คำถามเกี่ยวกับโรค
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : ภาวะซึมเศร้า / โรคซึมเศร้า
- สาเหตุทางกาย (Biological cause): เกิดจากความผิดปกติเสียหายของสมองซึ่งอาจมีสาเหตุได้หลายสาเหตุ เช่น โรคเส้นเลือดแข็งตัวผิดปกติ โรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคมะเร็งสมอง นอกจากนี้ความผิดปกติทางกายอื่นๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ เช่น โรคตับอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคพาร์กินสัน โรคเอสแอลอี เป็นต้น รวมถึงกรรมพันธุ์และผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
- สาเหตุด้านจิตใจ (Psychological cause): โดยผู้ที่เป็นโรคนี้ต้องประสบกับภาวะเหตุการณ์รุนแรงบางอย่างในชีวิตที่ตนเองไม่สามารถจัดการได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากวิธีเลี้ยงดูในวัยเด็ก ครอบครัวตึงเครียด สะเทือนใจอย่างมาก ถูกบีบคั้นอย่างมาก ความสูญเสีย เป็นต้น
- สาเหตุด้านสังคม (Social cause): สังคมที่ยุ่งเหยิงมีความเครียด เช่น ความกดดันจากสังคมจากเศรษฐกิจเป็นเวลานาน
- รู้สึกผิดหวัง สิ้นหวัง ไม่มีใครช่วยได้
- ไร้ความสนใจในกิจวัตรประจำวันหรือสิ่งแวดล้อมจากเดิมที่เคยสนใจ เช่น เคยดูทีวีแล้วสนุกก็ไม่อยากดูทีวี
- การกินและน้ำหนักเปลี่ยนแปลง บางคนกินเยอะขึ้น บางคนเบื่ออาหาร ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลง
- ปัญหาการนอน เมื่อเกิดภาวะ/โรคซึมเศร้ามักจะมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย
- โกรธและหงุดหงิดง่าย ซึ่งมักจะเกิดจากความอดทนต่อความเครียดต่ำลง มักจะพบในวัยรุ่น
- รู้สึกไร้ค่า รู้สึกผิด ตำหนิตนเองบ่อยๆ
- ไร้พลัง มีความรู้สึกสูญเสียพลัง ไม่มีพลังขับเคลื่อนให้ต้องทำอะไรในชีวิตประจำวัน
- พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เมื่อเศร้าแล้วบางคนหาทางออกด้านพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ติดยาเสพติด ติดพนัน ขับรถเร็ว เล่นกีฬาเสี่ยงตาย เป็นต้น
- อาการทางร่างกาย เช่น การเจ็บป่วย (เช่น ปวดท้อง มึนศีรษะ) และ/หรือการเจ็บปวดบ่อย (เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่)โดยไม่สามารถอธิบายสาเหตุทางร่างกายได้
- การหายใจ: ผิดไปจากปกติ จะหายใจถี่ขึ้น ตื้นขึ้น และหลายครั้งกลั้นหายใจโดยไม่รู้สึกตัว ซึ่งหากเป็นแบบนี้บ่อยๆ อากาศจะเข้าสู่ปอดน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายคนที่เครียดมักจะถอนหายใจ เพื่อระบายอากาศออกมาและบังคับให้หายใจเข้าลึกๆ ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
- อาการร้อนท้อง ปวดท้อง หรือร้อนกระเพาะอาหาร: เกิดเนื่องจากเวลาเครียดจากการทำงาน รับงานมาทำเยอะๆ หรือฟังเรื่องร้ายๆ หรือถูกตำหนิบ่อยๆ จะเกิดอาการร้อนในท้อง แสบท้อง ซึ่งเกิดจากการหลั่งกรดมากในกระเพาะอาหาร
- ปวดหัว ปวดขมับ: เกิดขึ้นได้บ่อยเวลาเครียด สาเหตุมาจากการหายใจที่ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เต็มที่ ทำให้ต้องสูบฉีดเลือดไปสมองเร็วขึ้นและเส้นเลือดบีบตัวมากขึ้น ทำให้ปวดตุ๊บๆ ที่ศีรษะ
- ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 30 นาที เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง เต้นแอโรบิค
- สร้างเสียงหัวเราะให้ตัวเอง ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนขำขัน เพื่อคลายความวิตกกังวลและลดความเครียด
- ระบายอารมณ์เสียบ้าง ซึ่งมีหลายวิธี ทั้งตะโกน ร้องไห้ หรือเขียนความรู้สึกลงในสมุดบันทึก
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ การเล่าเรื่องให้ผู้อื่นฟังจะช่วยลดความฟุ้งซ่าน ทั้งยังได้ข้อคิดและเรียนรู้ว่าความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราเพียงคนเดียว
- มองโลกในแง่ดี ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ทุกอุปสรรคย่อมมีโอกาส การมองโลกในแง่ดี ช่วยลดความเครียดความวิตกกังวล ทำให้ค้นพบแนวทางในการแก้ไขปัญหา
- ตระหนักรู้ในตนเอง รู้จักว่าอารมณ์ตนเองเป็นอย่างไร ยอมรับตามอารมณ์ที่ตนเองเป็น
- การออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพ
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนอย่างเพียงพอสำคัญมากในการป้องกันความเครียด
- กิจกรรมนันทนาการ เช่น ท่องเที่ยว ทำงานอดิเรก เป็นต้น
- สวดมนต์ นั่งสมาธิ
- แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ การปรับทัศนคติของตนเอง เช่น มองโลกในแง่บวกหรือมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ รอบตัวเอง